Monday, May 28, 2007

ไออุ่นลาวใต้ ตอน 8

อุบล#3

การได้รู้ประวัติศาสตร์ น่าจะทำให้เที่ยวในเมืองนั้นได้สนุกขึ้น ผมเชื่ออย่างนั้นครับ
ดังนั้นที่ๆสามารถตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็วที่สุด ตามประสาคนเมืองที่ต้องการอะไรรวดเร็ว ฉาบฉวย อย่างผม
พิพิทธภัณฑ์ประจำจังหวัดคงเป็นคำตอบ...

หลังจากกินข้าวเช้าและโทรไปยืนยันความมีชีวิตอยู่กับแม่ พร้อมกับยังคงมุสาอยู่อย่างต่อเนื่องว่าเพื่อนๆนั้น ยืนอยู่ข้างๆ
ทั้งที่ความจริงจะมองไปเห็นเพียงชายหนุ่มที่นั่งมองดูสายน้ำมูลอยู่อย่างเปลี่ยวเหงาก็ตาม
ผมเข้าใจว่าแม่คงไม่มีโอกาสได้อ่านเรื่องราวที่เขียนนี้แน่นอน แต่ลูกคนนี้อยากจะขอโทษที่มุสาออกไป...
และถ้าขอโทษล่วงหน้าได้เหมือนการฝากเงินเข้าธนาคาร ก็อยากจะขอโทษฝากเพิ่มเข้าไปอีกสักสองสามครั้ง แหะๆ

ผมกางแผนที่หาทางไปพิพิทธภัณฑ์ ได้ความว่าเดินไปไม่ไกลก็จะเจอ
เรื่องเดินนี่ของถนัดของผมอยู่แล้วครับ ถ้าอากาศเป็นใจ และการเดินทางนั้นไม่ต้องเร่งรีบ ผมมักจะไม่ปล่อยโอกาสที่จะเดินอยู่เสมอ...

ที่อุบลเช่นกัน อากาศกำลังเย็นสบายและการได้เดินชมเมืองอุบลไปเรื่อยๆ คงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย ผมเดินชมเมืองไปเรื่อยๆสักพักก็ถึงพิพิทธภัณฑ์ครับ แต่...
ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างหน้า โดยมือซ้ายถือกล้องถ่ายรูป มือขวาถือหนังสือท่องเที่ยว ปากขมุบขมิบๆ จับใจความได้ว่า เป็นไปได้ไงวะๆๆๆๆๆๆ
พิพิทธภัณฑ์มันปิดครับ... วันอังคารเนี่ยนะ ผมคิดในใจ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมาก
ผมรีบเปิดหนังสือท่องเที่ยวเช็คดูอีกทีเพื่อความแน่ใจ ได้รับการยืนยันว่าพิพิทธภัณฑ์ปิดวันจันทร์กับอังคารจริงๆ ที่จริงก่อนหน้าที่จะเดินทางมา ผมมีความมั่นใจเต็มร้อยว่าวันอังคารผมจะได้เข้าพิพิทธภัณฑ์แน่นอน เป็นความมั่นใจที่ปราศจากการตรวจสอบข้อมูลครับ ก็พิพิทธภัณฑ์บ้าที่ใหนจะปิดวันอังคาร...

ประโยคคำถามวิ่งเข้ามาในหัวมากมาย.. ทำไมปิดวันธรรมดาไม่ปิดเสาร์ อาทิตย์? แล้วทำไมเลือกปิดวันจันทร์ อังคาร?
สถานที่ราชการอื่นยังปิดวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ราชการหรือ?
ขณะคิดตัวยังยืนนิ่งมือซ้ายยังถือกล้องถ่ายรูป มือขวายังคงถือหนังสือท่องเที่ยว แต่ปากเลิกขมุบขมิบแล้ว(กลัวยามของพิพิทธภัณฑ์จะเดินมาล็อกคอหาว่าเล่นของใส่แก) อยู่หน้าป้ายที่เขียนว่า "วันนี้พิพิทธภัณฑ์ปิด"

คิดสักพักผมก็ถึงบางอ้อ นั่นสิ... ถ้าปิดเสาร์ อาทิตย์ พ่อแม่จะจูงลูกเล็กเด็กแดง มาศึกษาประวัติศาสตร์ในวันหยุดพักผ่อนก็ไม่ได้ และนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่ก็มักจะมาช่วงสุดสัปดาห์กันก็เข้าไม่ได้ ซึ่งไอ้นักท่องเที่ยวที่มาแบบผิดปกติอย่างผมเนี่ย จะเข้าไม่ได้ก็คงไม่เป็นไร เพราะเขาต้องรักษาคนหมู่มากไว้ก่อน จึงไม่ใช่พิพิทธภัณฑ์บ้า แต่เป็นผมเองต่างหากที่บ้าที่คิดว่าพิพิทธภัณฑ์จะปิดเสาร์ อาทิตย์ เหมือนสถานที่ราชการอื่นๆ หรือธนาคาร -_-''

ถ้าปิดวันจันทร์กับอังคาร ก็หมายความว่าผมหมดสิทธิ์เข้าแน่นอน เพราะตามกำหนดการพรุ่งนี้ผมจะต้องข้ามไปลาวแต่เช้า ถ้าจะให้ต้องเลื่อนข้ามไปลาวในวันถัดไป คงไม่ดีแน่เพราะผมจองตัวรถกลับไว้แล้ว ทำให้ผมจะต้องหั่นวันที่อยู่ลาวให้น้อยลง ลามไปถึงกำหนดการเที่ยวลาวที่วางไว้ต้องปรับใหม่อีก ซ้ำช่วงปีใหม่เลื่อนตั๋วรถกลับได้ง่ายๆซะที่ใหน

ปิ๊ง! แต่ใช่ว่าไม่มีทางออก... เพราะยังไงผมต้องกลับมาที่อุบลอีกทีอยู่ดี ตามแผนที่วางไว้ผมจะกลับมาประมาณวันอาทิตย์ ซึ่งน่าจะมีเวลาให้ได้เข้ามาเยี่ยมชม... ผมยืนยิ้มด้วยความรู้สึกโชคดีที่สามารถเก็บพิพิทธภัณฑ์เอาไว้อยู่ในแผนได้ โดยที่ตัวเองไม่รู้หรอกว่าเมื่อกลับมาวันอาทิตย์แล้ว พิพิทธภัณฑ์มันปิดเนื่องจากวันหยุดปีใหม่!!!

หลังจากหาทางออกได้แล้ว(โดยที่ไม่รู้หรอกว่ามันไม่ใช่ทางออกแต่เป็นทางตัน)ผมก็เดินไปวัดศรีอุบลต่อ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพิพิทธภัณฑ์นัก วัดนี้จะมีพระอุโบสถที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับวัดเบญจมบพิตรในกรุงเทพฯครับ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม พระคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งอัญเชิญมาจากกรุงศรีสัตนาคนหุต ประเทศลาว



ผมเข้าใจเอาเองว่าวัดนี้น่าจะเป็นวัดประจำจังหวัดอุบล โดยดูจากชื่อวัด และความสำคัญของพระที่ประดิษฐานอยู่ แต่เมื่อเข้ามาในวัดแล้ว ต้องพบกับความแปลกใจ ที่ไม่เจอนักท่องเที่ยวเลย แม้กระทั่งชาวบ้านเองนับได้คงไม่เกินความสามารถของนิ้วทั้งสองมือเป็นแน่
แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมมักไม่ชอบไปใหนมาใหนที่มีคนเยอะๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว...
ไหว้พระ ถ่ายรูปโบสถ์ ถ่ายพระพุทธรูป ถ่ายพระสงฆ์ ญาติโยม ลามไปจนถึงรูปหมา จนเป็นที่สาแก่ใจ ก็ออกมานั่งจดบันทึกตรงโต๊ะม้าหินชานวัด ภายใต้บรรยากาศที่ สงบ เงียบ เย็นสบาย
เที่ยวครั้งนี้ผมพกสมุดไปเล่มนึงครับ เพื่อที่จะได้มาระลึกถึงความหลังได้ว่าตัวเองไปทำอะไรมาบ้าง ประทับใจอะไรบ้าง ขณะนั้นรู้สึกอย่างไร มีความคิดอย่างไร
ข้อความในใจที่ผมเลือกที่จะเขียนเก็บลงไปนั้น ทั้งหมดจะเป็นความรู้สึกดีๆครับ ส่วนความรู้สึกไม่ดีที่พบเจอมาบ้างนั้น ผมขอทิ้งไว้ให้สายลมพัดพาไป...

โอกาสที่ได้นั่งจดบันทึก สำรวจสิ่งรอบๆกาย คงเป็นข้อดีของการมาเที่ยวคนเดียว ที่ให้อิสระกับเราได้เต็มที่ อยากจะดื่มด่ำหรือใช้เวลากับอะไร ก็สามารถทำได้ตามที่ใจต้องการ ต่างจากการมาเที่ยวเป็นกลุ่ม ที่จะต้องรอไปพร้อมกันเสมอ จึงทำให้เวลาต้องการทำอะไรต้องคิดถึงคนหมู่มากไว้ก่อน
อย่างว่าครับเมื่อได้รับสิ่งดีๆมา ก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน ซึ่งก็คือความเหงาที่ถูกยัดเยียดเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แฮ่ม... แต่ว่ายกแรกถือผมตั้งการ์ดต่อยเก็บคะแนนได้ดีกว่าครับ เพราะยังปฎิเสธไม่รับความเหงาเข้ามาอยู่ในอ้อมอกได้ :-)



จดบันทึกเสร็จ ผมจำต้องหาสถานที่เที่ยวใหม่แทนพิพิทธภัณฑ์ที่พลาดไป เปิดดูแหล่งที่เที่ยวสักพัก ก็ได้เป้าหมายใหม่เป็นวัดหนองบัว เป็นวัดที่มีเจดีย์พุทธคยาจำลองอยู่ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อของทางจังหวัด ส่วนอีกที่หนึ่งนั้นเป็นแหล่งโบราณคดีวัดก้านเหลือง ที่นี่เป็นที่ๆมีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผาสมัยโบราณอยู่ หวังว่าคงตอบความต้องการของผมแทนที่พิพิทธภัณฑ์ได้ไม่มากก็น้อย
สองที่นี้อยู่ชาญเมืองของอุบลครับ ซึ่งดูๆแล้วน่าจะพอไหว และที่สำคัญ!! ถ้าหลงก็น่าจะหาทางกลับมาได้ไม่ยากเย็นเท่าไร...
เอาหล่ะ! พร้อมแล้วเดินต่อดีกว่า...

ดวง
20070528 10:35

2 comments:

Anonymous said...

โดยที่ตัวเองไม่รู้หรอกว่าเมื่อกลับมาวันอาทิตย์แล้ว พิพิทธภัณฑ์มันปิดเนื่องจากวันหยุดปีใหม่!!!
(โฮ่โฮ่โฮ่ ขำมากมาย)
พี่ดวงเขียนไออุ่นลาวใต้จบก็คงได้ไปเที่ยวที่อื่นพอดีเลยเนอะ

Odysseus said...

พี่ดวงเขียนไออุ่นลาวใต้จบก็คงได้ไปเที่ยวที่อื่นพอดีเลยเนอะ

>> พี่กังวลมากๆคือ พี่อาจจะไปเที่ยวก่อนไออุ่นจบก็เป็นได้ +_+''


 
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-Noncommercial 3.0 Thailand License.