Sunday, March 11, 2007

เก็บตก

เขียนไออุ่นไม่เสร็จดี(จะเอามาลงในเร็ววัน)... ขอเอาเรื่องนี้คั่นก่อนครับ
ผมได้ไปอ่านเจอใน blog ๆหนึ่ง มีประเด็นน่าสนใจว่าถ้ามีโอกาศได้คุยกับคน 5 คนพร้อมกันจะเลือกใครบ้าง

1.ท่านพุทธทาส
2.ทาไล ลามะ
3.อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
4.อ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์
5.ตัวผมเมื่ออายุ 50

สำหรับผมครับ... แล้วคุณหล่ะ???















ดวง
20070312 0:30

4 comments:

ikke said...

มันเป็นเรื่องตัดสินใจยากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

หนึ่ง ฮารูกิ มูราคามิ โดยเฉพาะตอนที่เขาเขียนเรื่อง Norwegian Wood และ South of The Border, West of The Sun เขาคิดอะไรอยู่

สอง เมอร์รีล สตรีฟ อยากรู้ว่าถ้าในชีวิตจริงเธอจะเลือกคลินท์ อีสต์วู้ด และไม่ทิ้งเขาเหมือนใน The Bridges of Madison County หรือเปล่า

สาม การ์เบรียล การ์เซีย มาร์เกซ อยากฟังต่อว่า Living to tell the tale ภาคสองจะเป็นยังไง

สี่ ซัดดัม ฮุสเซ็น ถ้าเลือกได้ เขาจะบุกคูเวตไหม

ห้า สตีเฟ่น เลวิทท์ อยากรู้ว่า ระหว่างเซ็กส์กับการอ่านหนังสือ อะไรดีกว่ากัน

จริง ๆ แล้วอยากจะออนไลน์เอ็มคุยมากกว่านะ เพราะต้องคุยหลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน

Odysseus said...

สำหรับข้อ 5 ครับ...
เผื่อ สตีเฟ่น เลวิทท์ ไม่ได้ตอบ
เป็นงานเขียนของคุณนรา แห่ง open online
ไม่แน่ใจว่าพี่ได้อ่านหรือยัง... ยังไงเสียยกมาลงไว้อีกทีคงไม่เสียหาย ;-)


ทำไมการอ่านหนังสือจึงดีกว่ามีเซ็กส์

ทันทีที่ผมประกาศว่าจะลงมือเขียนถึงเรื่องนี้ ก็มีเสียงเปรยจากพรรคพวกเพื่อนฝูงตอบกลับมาทันทีว่า ถ้างั้นต่อแต่นี้ไป คุณเอ็ง (หมายถึงผมนะครับ) จงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการมีเซ็กส์

ผมนั้นไม่มีความสามารถทางพยากรณ์ทำนายทายอนาคต กะเก็งผลสลากกินแบ่งคราวใดก็ไม่เคยถูก แต่สำหรับผลลัพธ์ซึ่งอาจจะเกิดจากเรื่องที่กำลังเขียนถึงต่อไปนี้ ผมทายแม่นราวกับตาเห็นสามครั้งซ้อน

เรื่องนี้คาดเดาไม่ยากครับ เมื่อไรก็ตามที่หัวข้อถกสนทนามีคำว่า “เซ็กส์” เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วล่ะก็ ค่อนข้างจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่นำไปสู่การโต้แย้งถกเถียงได้ไม่ยาก ต่างจากการพูดว่า “ทำไมการอ่านหนังสือจึงดีกว่าการคุยโทรศัพท์มือถือในโรงหนัง” หรือ “ทำไมการอ่านหนังสือจึงดีกว่าดูโรงหนังในโทรศัพท์มือถือ” ซึ่งไม่ค่อยมีอะไรให้กังขาถกเถียงมากนัก

พูดเช่นนี้แปลได้ว่า “การอ่านหนังสือ” เป็นหัวข้อที่ปลอดภัยสะดวกปากแก่การพูดคุยมากกว่าเรื่อง “เซ็กส์” เยอะเลยนะครับ

ประการต่อมา การที่ระบุว่า “อ่านหนังสือดีกว่ามีเซ็กส์” ไม่ได้แปลว่า ผมต่อต้านรังเกียจเซ็กส์แต่อย่างไรนี่ครับ เหมือนผมบอกว่าชอบกินข้าวหน้าเป็ด มากกว่าข้าวมันไก่ ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องเลิกกินไก่ไปตลอดชีวิต

ดูเหมือนว่า เราสามารถระบุบอก ว่าอะไรดีกว่าอะไรได้ทุกเรื่องโดยปราศจากปัญหา ยกเว้นเรื่อง “เซ็กส์” ในทางตรงกันข้าม ถ้าผมบอกว่า “มีเซ็กส์ดีกว่าอ่านหนังสือ” เสียงตอบโต้ก็จะกลายเป็นว่า ผมหื่น บ้ากาม ขึ้นมาทันที

เห็นมั้ยครับว่า “เซ็กส์” เป็นเรื่องล่อแหลมอันตรายในการพูดคุยอยู่พอสมควร คุยเรื่องการอ่านหนังสือปลอดภัยและดีกว่าเป็นไหน ๆ

พ้นจากนี้แล้ว ผมก็ลองไล่เรียงหาเหตุผลดูว่า “ทำไมการอ่านหนังสือจึงดีกว่ามีเซ็กส์” ผลปรากฎออกมาดังนี้ครับ

การอ่านหนังสือบนรถเมล์ รถไฟฟ้า ในร้านอาหาร ริมทะเล สามารถกระทำได้เต็มที่ โดยไม่ต้องวิตกกังวลเกรงจะโดนติเตียนว่า ไม่รู้จักกาละเทศะ ประเจิดประเจ้อ บัดสีบัดเถลิง ลามกอนาจาร (อาจมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง ในกรณีที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ หรือหนังสือโป๊)

การแลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่าน ไม่เป็นเรื่องเสื่อมเสียศีลธรรม

การพกหนังสือติดตัวคราวเดียวหลาย ๆ เล่ม ไม่เข้าข่าย “เจ้าชู้” หรือ “หลายใจ”

เด็กชอบอ่านหนังสือ ไม่โดนผู้ใหญ่ตักเตือนว่า “ชิงสุกก่อนห่าม” หรือ “ริอ่านในวัยเรียน”

การมีเซ็กส์ทั้งวันทั้งคืน อาจโดนมองว่าหมกมุ่นฝักใฝ่ในเพศรส แต่ถ้าอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เขาเรียกกันว่า “ขยัน” และ “ใฝ่รู้”

โรคเอดส์หรือกามโรคไม่สามารถติดต่อแพร่เชื้อผ่านทางการอ่านหนังสือ

กรุงศรีอยุธยาไม่ได้เสียกรุงครั้งที่ 2 เพราะสาเหตุผู้ปกครองแผ่นดินหลงใหลการอ่านหนังสือ

เด็กอายุต่ำกว่า 18 สามารถเข้าร้านขายหนังสือโดยไม่ต้องมีการตรวจบัตรประชาชน และการอ่านหนังสือไม่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการจัดระเบียบสังคม

การอ่านหนังสือมีอิสระทางด้านรสนิยมอย่างเต็มที่ ไม่เคยมีใครประสบปัญหาพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางการอ่าน

การมีหนังสือในครอบครองจำนวนมาก ไม่เคยประสบปัญหาหนังสือทะเลาะเบาะแว้งตบตีกันเอง

ไม่เคยมีใครได้รับความเจ็บปวด จากการเปิดหน้าหนังสือรุนแรงหนักมือเกินไปในขณะอ่าน

ถ้าคุณประกาศว่าไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่เคยอ่านหนังสือ คุณก็ยังคงดูเป็นปกติธรรมดาในสายตาคนทั่วไป และไม่โดนค่อนแคะนินทาว่า เสื่อมสมรรถภาพทางการอ่าน

ท่านชายสามารถลงมืออ่านหนังสือได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพายาไวอะกร้า

คนรักชอบการอ่านหนังสือมาพบปะเสวนากัน ไม่ถือว่าเป็นปาร์ตี้มั่วสุม ไม่ต้องโดนตรวจปัสสาวะ

การอ่านหนังสือครั้งละแค่ 2-3 นาที ไม่ต้องกลัวโดนใครมาเย้ยหยันว่า “นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ”

นักกีฬาสามารถอ่านหนังสือในวันก่อนทำการแข่งขันได้ตามใจชอบ แต่ไม่ควรมีเซ็กส์ก่อนลงสนาม

เพื่อน ๆ สามารถต่อคิวยืมอ่านหนังสือของคุณได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการข่มขืน

เราสามารถอ่านวรรณกรรมเยาวชน โดยไม่โดนยัดเยียดข้อหาพรากผู้เยาว์

การอ่านหนังสือไม่ทำให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้อื่น ส่วนการมีเซ็กส์นั้นไม่แน่

มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติสำหรับคนรักชอบการอ่าน แต่ไม่เคยมีสัปดาห์เซ็กส์แห่งชาติ

การอ่านหนังสือสามารถทำได้ทุกวัน แม้กระทั่งวันนั้นของเดือน

การอ่านเป็นกิจกรรมที่ง่าย นิตยสารส่วนใหญ่ ไม่มีคอลัมน์ “ตอบปัญหาทางการอ่าน” แต่คอลัมน์ “ตอบปัญหาทางเพศ” นั้นมีเยอะ

การซื้อหนังสือมีราคาค่าใช้จ่ายถูกกว่าซื้อบริการทางเพศ

ดาราหรือคนดังอ่านหนังสือ ไม่ตกเป็นข่าวซุบซิบนินทาว่าประพฤติตนเสื่อมเสีย

การอ่านหนังสือไม่ก่อให้เกิดปัญหาประชากรล้นโลก

การอ่านหนังสือตามลำพัง ไม่ถูกเรียกว่าเป็นการ “สำเร็จความรู้ด้วยตนเอง”

คุณสามารถอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน โดยไม่เกรงว่าจะโดนมือดีแอบถ่ายบันทึกภาพไว้ และนำออกเผยแพร่เป็นวีซีดีฉาวให้ต้องอับอายในภายหลัง

คุณสามารถคุยให้ใครต่อใครฟังได้อย่างไม่ต้องรู้สึกขัดเขินหรืออับอายว่า อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วสนุกสนาน ประทับใจมาก

เมื่อข้อเขียนชิ้นนี้ของผมปรากฎแต่สายตาของคุณ แปลว่าคุณกำลังอ่านหนังสืออยู่

ประการสุดท้าย ข้อเขียนชิ้นนี้เกิดขึ้นเพราะได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ ไม่ได้มีต้นตอที่มาจากการมีเซ็กส์

Anonymous said...

ไปนั่งฟังด้วยนะ ...

Odysseus said...

555 นั่งฟังอย่างเดียวเหรอ...
ไม่ชวนคนที่อยากคุยด้วย 5 คนมาคุยด้วยกันเหรอ... :-)


 
Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-Noncommercial 3.0 Thailand License.